วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552

แผล ... เรื่องที่ห้ามมั่ว

ตอนสมัยเรียนมัธยม ผมเล่น Volley Ball กับเพื่อน ...


เล่นเพราะความจำเป็น เพราะต้องสอบ Under ลูก Volley ให้ผ่าน


เล่นแล้วก็คันๆ ที่แขน ... ก็เกา ... เกา ... แล้วก็เกา


ตุ่มก็ขึ้น หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง


ในใจตอนนั้นก็คิดว่า "สงสัยจะต้องบีบ ให้หนองมันออกมา"


ก็บีบ ... บีบ ... บีบ .......


มันไม่ออก ... แถมตุ่มก็บวมโตขึ้น จนผิดปกติ


สุดท้ายก็ต้องไปหาหมอที่คลินิก ... โดน "เจาะ" ตุ่มนั้น เพื่อระเบิดเอาหนองที่อยู่ในตุ่มออกมา ... เจ็บตัวไปอีกกว่า 2 สัปดาห์ และก็โดนแม่ด่าว่า "ทำไมมือซนอย่างนี้"


เท่านั้นยังไม่พอ .... หลังจากหนองหายหมดแล้ว ผมก็อุตริจะรักษาแผลเอง เลยใช้แอลกอฮอล์บวกทิงเจอร์จัดการแผลต่อด้วยตัวเอง


ผลลัพธ์ที่ได้ ... ก็คือรอยแผลเป็นที่ท่อนแขนขวา ... เห็นได้จนทุกวันนี้


"แผล" เป็นเรื่องที่มั่วๆ กับมันไม่ได้ ... เพราะถ้ามั่วๆ ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ "สาหัส" กว่าเดิม


แผลใจ ... ก็คงไม่ต่างกัน


การไม่ยอมรับว่าชีวิตของเรา สามารถเกิดความอักเสบ เกิดแผลขึ้นได้ นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่สาหัสในภายภาคหน้าได้


(มก. 2:17) ครั้นพระเยซูทรงได้ยินดังนั้น พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า "คนปกติไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บต้องการหมอ เรามิได้มาเพื่อจะเรียกคนชอบธรรม แต่มาเรียกคนบาปให้กลับใจเสียใหม่"


ไม่ว่าเราจะตั้งใจดี หรือตั้งใจแย่ขนาดไหน ... เราก็มีแผล กันได้ทุกคน


ทีนี้จะทำแผลยังไง ...


จริงๆ ร่างกายคนเรา มีธรรมชาติที่อัศจรรย์ ในการห้ามเลือดด้วยตัวของมันเอง ... แต่ถึงกระนั้น ... แผลหนักๆ ก็ต้องอาศัยการห้ามเลือดที่ถูกวิธี เพื่อไม่ให้เลือดออกจนหมดตัว


เวลาใจเป็นแผล ... คงไม่มีอะไรจะห้ามเลือดได้ดีกว่า "พระคุณ" ของพระเจ้า ... ซึ่งพร้อมเสมอ เพื่อชีวิตของเราทุกคน ที่เป็นคนเจ็บ


ห้ามเลือดได้ ... ก็เหลือแต่ขั้นตอนการฟื้นฟูสภาพ ให้กลับคืนดี


เป็นเวลาที่ต้องเลือก ... ว่าจะทำตัวดูดี ... หรือจะรับการรักษาจริงๆ


เมื่อก่อน ผมติดนิสัยที่จะชอบปิดพลาสเตอร์ที่แผลตลอดเวลา ... แล้วผลที่ได้ก็คือ ... แผลเน่า!


ท้ายที่สุด ก็พบว่าเราต้องสมดุล ... ระหว่างการเปิดแผล เพื่อให้แผลรักษาตัวมันเอง กับการปิดแผล ป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อน


รวมถึงการใส่ยาที่แผล ... ซึ่งเป็นเวลาแห่งความปวดแสบปวดร้อนสุดๆ


ใจที่มันเป็นแผล ... จะแสร้งแสดงหน้าตาว่าดูดีอยู่ ... มันก็คงจะไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะกรัดกร่อน ให้แผลที่มีอยู่ "เน่า" กว่าเดิม


เรื่องแบบนี้เห็นแก่หน้าไม่ได้ ... คงต้องเห็นแก่ใจ ...


แผล ... ไม่ได้หายภายในวันเดียว ... และต่อให้ใส่ยาขนานดีขนาดไหน ... มันก็ไม่หายภายในวันเดียว


บางทีด้วยความใจร้อน ... มันก็อยากจะหายเร็วๆ อยากทำตัวใช้งานใช้การได้เร็วๆ เลยพยายาม "ฉุดคอเสื้อตัวเอง" ขึ้นมา ไม่สนใจหัวใจตัวเอง ... เดินหน้าต่อไป


ก็อาจจะพบกับความสำเร็จ ... พร้อมกับแผลฉกรรจ์ ... ที่ยากจะรักษา ไปพร้อมๆ กันก็เป็นได้


การรักษาแผล เป็นเรื่องที่ไม่ยาก และไม่ง่าย ... ปัจจัย อยู่ที่ความเข้าใจ และการยอมรับตัวเอง


มันน่าอับอาย .... ใช่! ... มันน่าอายมากๆ แต่ถ้าเราไม่ยอมอับอายกับมัน ... มันจะทำให้เราอับอายกว่าเดิม ... ในไม่ช้า


แต่ผู้ที่ยอมรับความอับอาย การรักษาก็เป็นของเขา!


(มธ. 5:3) "บุคคลผู้ใดรู้สึกบกพร่องฝ่ายจิตวิญญาณ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นของเขา"


ใครจะไปรู้ ... ว่าในเวลาแห่งความเจ็บปวด ... ทำอะไรไม่ได้มาก ... ทำได้เท่าที่จะทำได้จริงๆ ... การเกิดผล อาจจะมาก กว่าเวลาที่เราบ้าพลังทำมันได้ทุกอย่าง ก็เป็นไปได้


ใครจะไปรู้ ... ว่าช่วงเวลาหลายๆ ปี ... ที่อาจารย์ยองกี โช นอนป่วยอย่างไม่มีวี่แววจะหาย ทำได้อย่างเดียวคือเทศนาวันอาทิตย์ ... เป็นช่วงเวลาที่คริสตจักร Yoido Full Gospel เจริญเติบโตอย่างมากมาย จนกลายเป็นคริสตจักรเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในเวลานั้น


และใครจะไปรู้ ... ว่าเมื่อ 2000 กว่าปีก่อน ... ชายคนหนึ่งที่เจ็บปวดที่สุดในโลก ... กลับให้ความเจ็บปวดที่เขาได้รับ เป็นการปลดปล่อยคนทั้งโลกให้หลุดพ้นจากบาปได้


แผลของเรา ... ก็เป็นพร ... ต่อผู้อื่นได้


และถ้ามันจะเป็นพรต่อผู้อื่นได้มาก .... มันก็คงต้องเป็น "รอยแผลเป็น" ที่เห็นได้ชัดๆ จับต้องได้ ... อย่างที่พระเยซู ... ทรงมีรอยตะปู ที่มือของพระองค์อย่างชัดเจน เป็นเหตุให้สาวกเชื่อ ... ว่าพระองค์ฟื้นจากความตายจริงๆ


จะไม่มีใคร "ทนพิษบาดแผลไม่ไหว" อย่างแน่นอน ... ถ้ารักษา ... อย่างถูกต้อง


Let His Mercy Heal Me & You!

1 ความคิดเห็น:

  1. โอ้ว พระเจ้าพูดด้วย นานมาแล้วที่หาบทความดีๆแตะใจไม่ได้ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณจากใจ


    ** เรื่องแบบนี้เห็นแก่หน้าไม่ได้ต้องเห็นแก่ใจ** สุดยอด

    ตอบลบ